วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2560

ลำปาง...กับทิศทางที่น่าจะก้าวเดินไป

"แรงดึงดูดของความไม่มีอะไรเป็นพิเศษ" (The appeal of nothing special)

Alex Kerr เป็นหนึ่งในชาวต่างชาติหลายๆคนที่มีโอกาสได้มาเยือนและค้นพบว่าตนเองหลงรักในประเทศญี่ปุ่นจนอยากมีบ้านอยู่ที่นั่น แต่ที่แตกต่างคือ การค้นพบจิตวิญญาณบางอย่างที่ทรงคุณค่าของความเป็นญี่ปุ่นซึ่งกำลังหายไปกับความก้าวหน้าของโลกปัจจุบัน และเค้าประสบความสำเร็จในการนำมันกลับมาให้อยู่กับโลกปัจจุบันได้โดยไม่ทิ้งตัวตนของตัวเองไปเหมือนหลายเมืองบนโลกใบนี้
ญี่ปุ่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็คล้ายๆกับประเทศต่างๆที่มุ่งหน้าไปหาสิ่งที่คิดเอาว่านั่นคือ "ความศิวิไลซ์" กับการที่มีตึกสูงๆและการทะลักรับเอาวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาแบบไม่ลืมหูลืมตาโดยอาจลืมบริบทของตนเองไป ซึ่งจริงๆแล้ว การรับเอาเทคโนโลยีหรือความสะดวกสบายของโลกปัจจุบันนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด แต่จะดีกว่าหรือไม่หากเรายังสามารถคงไว้ซึ่ง "จิตวิญญาณ" ที่มีคุณค่าของตนเองไปพร้อมๆกัน (ปารีสเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในเรื่องนี้)

ในวิดีโอ เราได้เห็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานเอาทั้งสองอย่างเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกล่อมและเป็นไปในทิศทางที่สนับสนุนและ "เกื้อกูล" กันมากกว่าจะมาหักล้างกันแนวๆว่า *ถ้าสิ่งนี้อยู่อีกสิ่งหนึ่งต้องถูกทำลาย!* ซึ่งอเล็กซ์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแนวทางของเค้าเป็นสิ่งที่ทำได้จริง
เค้าเริ่มต้นกับการที่ได้มีโอกาสไปซื้อบ้านเก่าในเขตร้างผู้คนซึ่งมีราคาถูกมากเป็นพิเศษเพราะผุพังและคนอื่นๆคิดว่าทุบทำลายทิ้งเป็นสิ่งที่"ถูก" และเป็นไปได้มากกว่า แต่อเล็กซ์กลับไม่คิดเช่นนั้น เค้าเห็นคุณค่าของบ้านหลังนั้นและสามารถบูรณะบ้านขึ้นมาใหม่จนสวยงาม (แถมยังตั้งชื่อให้อีกด้วย) และได้ทำเป็นโฮมสเตย์ที่แรกเริ่มก็มีคนมาพักเป็นชาวตะวันตก ซึ่งได้รับความนิยมมากแม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ที่ถือว่าไกลและทุรกันดารสำหรับประเทศแบบญี่ปุ่น

จนกระทั่ง วันหนึ่งภาครัฐเริ่มสนใจเพราะว่ามีคนเดินทางมาเที่ยวที่นี่มากมาย ทั้งที่ไม่มีสิ่งดึงดูดแบบที่โลกสมัยใหม่นิยามไว้อย่าง หอคอย สวนสนุก แหล่งช็อปปิ้ง ฯลฯ (ไม่ได้บอกว่ามีสิ่งเหล่านี้ผิดนะครับหากเรามีควบคู่กันไปอย่างสมดุล) ซึ่งอเล็กซ์ก็บอกว่านี่เป็นเพราะที่หมู่บ้านนี้มีสิ่งที่เค้าเรียกว่า "แรงดึงดูดของความไม่มีอะไรเป็นพิเศษ" ซึ่งก็คือการที่ผู้คนต้องการมาสัมผัสกับสิ่งที่สถานที่นี้มีให้อย่างจริงใจไม่ต้องแต่งเติมแบบที่เห็นกันดาษดื่นตามที่ต่างๆ

หลักคิดที่น่าสนใจและผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เค้าทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ น่าจะเป็นการที่อเล็กซ์ เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของโลก ที่ผู้คนต้องการความทันสมัยในบางสิ่งเพื่อร่างกายของตน ขณะเดียวกันก็ต้องหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณด้วยอีกบางสิ่งที่นับวันจะหายากขึ้นทุกที และ "ไม่มีอะไรผิด เพียงแต่เราต้องหาวิธีที่สมดุลให้ทั้งสองอย่างนี้อยู่ด้วยกันได้" ดังที่เค้ากล่าวว่า "สิ่งที่ผมอยากทำก็คือ การนำบ้าน (โบราณ) เหล่านี้กลับมาสู่โลกยุคทันสมัยให้ได้ เพราะนั่นคือหนทางเดียวที่บ้านเหล่านี้จะอยู่รอดได้" (what I want to do is to bring these houses into the modern age because that' s the only way that they can live.)

ทุกวันนี้ บ้านของเค้าถูกจองพักเกือบเต็มตลอด สร้างรายได้ที่มั่นคงและที่สำคัญ นำมาซึ่งผลพลอยได้ต่อธุรกิจและชีวิตคนในชุมชนที่มีทิศทางดีขึ้นจากเดิมที่เกือบเป็นเมืองร้าง เนื่องจาก "เมื่อมีคนมาเที่ยว คนเหล่านั้นก็ต้องการทานอาหารท้องถิ่น ต้องการซื้อของฝาก และคนรุ่นใหม่ก็เริ่มย้ายเข้ามาอยู่อีกครั้ง" (ทุกวันนี้ จำนวนคนที่มาพักไม่ได้มีแต่ต่างชาติ แถมบางหลังยังมีชาวญี่ปุ่นมาพักเป็นส่วนใหญ่เสียด้วยซ้ำ)

กลับมาที่ลำปาง ในช่วงนับสิบปีที่ผมย้ายกลับมาอยู่ที่ลำปางบ้านเฮาอย่างถาวร เริ่มแรกก็ไม่รู้ว่าลำปางมีคุณค่าอย่างไร รู้แต่ว่าเราชอบตรงความเป็นลำปางที่เราคุ้นเคยและมีความสุขที่ได้กลับมาทุกครั้งตั้งแต่เกิด จนกระทั่งบ่อยครั้งที่เพื่อนฝูงมาเยือนและพักค้างคืน ก็จะพูดคล้ายๆกันว่า ไม่เคยคิดเลยว่าลำปางจะน่ามาเที่ยวแบบนี้ก็เลยมักจะเดินทางต่อไปเชียงใหม่เลย แต่พอได้สัมผัสนานขึ้นก็รู้สึกว่าลำปางมีเสน่ห์และน่ากลับมาเยือน ดังนั้น พอมาช่วงหลังๆ เราเองก็เลยเริ่มแสวงหารายละเอียดความเป็นเมืองน่าอยู่ของลำปางและก็ค้นพบว่าไม่แปลกเลยที่คนทั่วไปจะชอบเพราะเมืองเราไม่เหมือนใครจริงๆ

ถึงตรงนี้ ลำปางเรา น่าจะสามารถนำหลักคิดของอเล็กซ์มาปรับใช้ได้บ้างนะครับ เพราะเพียงเราตระหนักรู้ว่าเรามีอะไรที่ดีและมีคุณค่าไม่เหมือนใคร รวมทั้งยึดแนวทางที่ถูกต้องในการรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ บางทีวันนึง เราอาจจะกลายเป็นเมืองที่ผู้คนอยากมาเยือนและแสวงหาความหมายของคำว่า "แรงดึงดูดของความไม่มีอะไรเป็นพิเศษ" (ซึ่งจริงๆแล้วพิเศษอย่างลึกซึ้ง) ก็ย่อมได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: สามารถแวะเข้าไปที่ลิ้งค์ www.happylampang.com ได้เลยเพื่อหาข้อมูลจากคนในท้องถิ่นครับ

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ข้าวซอยลำปาง...ขึ้นเหนือมาต้องลอง







เพิ่มคำอธิบายภาพ
ข้าวซอย ตามวิกิพีเดียบอกว่า
"ข้าวซอย คืออาหารพื้นเมืองทางภาคเหนือของประเทศไทย เดิมเรียกว่า "ก๋วยเตี๋ยวฮ่อ"[1] เป็นอาหารที่คล้ายเส้นบะหมี่ ในน้ำซุปที่ ใส่เครื่องแกง รสจัดจ้าน มีเครื่องเคียงได้แก่ ผักกาดดอง หอมหัวแดง และมีเครื่องปรุงรส เช่น พริกผัดน้ำมัน น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาล ในตำรับดั้งเดิมเนื้อที่ใช้เป็นเนื้อไก่หรือเนื้อวัว แต่ในปัจจุบันร้านอาหารหลายแห่งได้มีการใช้เนื้อหมูแทน บางแห่งอาจเพิ่มอาหารทะเลหรือเต้าหู้เป็นส่วนประกอบ อาหารจานนี้มักไม่ค่อยมีจำหน่ายในร้านอาหารไทยในต่างประเทศ จะพบบ่อยก็แต่ทางภาคเหนือของไทย"

เพราะฉะนั้น ถ้ามาถึงถิ่นล้านนากันแล้ว ก็ต้องอย่าพลาดโอกาสลิ้มลองกันนะครับ

ลำปางถือเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีข้าวซอยอร่อยเป็นที่นิยมไม่แพ้จังหวัดใดในโลก!! (ไม่ใช่เพราะเป็นคนลำปางก็เลยชมของกินจังหวัดตัวเองนะครับ) เพราะถ้าใครได้ตระเวนกินอาหารชนิดนี้มาหลายจังหวัดก็จะพอแยกแยะได้บ้างว่าที่ไหนอร่อยอย่างไร

ข้าวซอยอร่อยต้องเคี่ยวนาน จนได้หน้าตาที่ดูเข้มข้นถึงน้ำถึงเนื้อ
ชามนี้เป็นของร้านแม่อัมพวันครับ
ตามประวัตินั้น ข้าวซอยน่าจะมีที่มีจากอาหารมุสลิมหรืออาหารแขก และเพิ่งจะมามีการใส่กระทิในภายหลัง ดังนั้น ผู้ที่ชื่นชอบอาหารประเภทแกงแพนง แกงกะหรี่ หรือ มัสมั่นนั้น น่าจะทานได้สบายๆ เผลอๆอาจจะอร่อยติดใจไม่รู้ลืมจนอยากกลับมาทานอีกทุกครั้งเมื่อกลับมาเที่ยวเหนือ (ผมมีเพื่อนหลายคน สมัยก่อนนานมาแล้ว ตอนเป็นนิสิต เวลาชวนเพื่อนมาเที่ยวบ้านที่เหนือก็จะชวนให้เพื่อนลองกินข้าวซอย พวกก็จะแบบว่า "กินไม่เป็นบ้าง" (ก็แค่อ้าปาก ตักเข้าไปแล้วก็เคี้ยว!!!) หรือ บ้างก็งงว่า เอาข้าวที่เป็นเมล็ดมาซอยเหรอ (แบบในโฆษณาบะหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อหนึ่ง) แต่พอได้ลอง ส่วนใหญ่ก็จะติดใจและดีใจที่ได้ลองอาหารเหนือเมนูนี้
ใครชอบเผ็ด เติมน้ำพริกผัดเลยครับ รสชาติโดนใจ!!

สำหรับ ร้านที่อยากแนะนำและ พอแนะนำได้ก็จะมีดังนี้นะครับ

                         
ถ้าจะให้อร่อยแบบต้นตำรับแท้ๆ ต้องกินคู่กันกับหอมแดงและผักดอง
-ร้านข้าวซอยอิสลาม สี่แยกบริเวณสะพานรัษฎาฝั่งกาดหัวขัว
ร้านนี้ถือเป็นร้านที่เป็น A must  สำหรับข้าวซอย เพราะอร่อยตามตำรับ ถึงเครื่องและรสกลมกล่อมมากๆ
ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะต้องมีชามที่สองเพราะอร่อย และชามเล็กมาก ดูดีมีชาติสกุลเข้าตำราของดีต้องมี   น้อยๆ ไปช้าเกินกว่าบ่ายโมง มีต้องเสี่ยงดวง รีบๆไปลองกันนะครับ เพราะจากรุ่นปู่ที่อร่อยลือเลื่องมาจนถึงรุ่นลูก ไม่รู้รุ่นหลานจะสืบทอดหรือเปล่า มีเฉพาะเนื้อที่อร่อยสุดๆกับไก่ (อย่าเผลอไปสั่งหมูนะครับเพราะเค้าเป็นอิสลาม) นอกจากนี้ ก็จะมีสะเต๊ะไก่ให้ลิ้มลองในบางวันด้วยครับ

ข้าวซอยอร่อยต้องมาคู่กันกับสะเต๊ะและน้ำจิ้มอาจาดรสเด็ด
-ร้านข้าวซอยโอมา ร้านนี้ก็เป็นอิสลาม แต่รสชาติออกไปทางข้าวซอยแบบคนเมือง คือ มีความเป็นแกงกระทิน้อยและมีน้ำแป้งเหนียวๆผสมมาด้วย ร้านนี้มีข้อได้เปรียบคือ มีอาหารหลากหลาย ทั้งสะเต๊ะ ก๋วยเตี๋ยว และที่สำคัญ มีที่จอดรถสะดวก สบาย มีการตลาดที่ดี (มีรูปถ่ายกับดาราและคนมีชื่อเสียงที่เคยมากิน) ร้านนี้อยู่แถวสุขสวัสดิ์ครับ
-นอกเหนือจากร้านนี้ ก็จะเป็นร้านทั่วๆไปให้เลือกอีกหลายร้าน ส่วนใหญ่รสชาติอยู่ในเกณฑ์อร่อยรับได้แน่นอนครับเพราะขายกันมาแต่ละร้านเป็นสิบ ยี่สิบปีขึ้นครับ เช่น ร้านข้าวซอยบุญยืน (อยู่ระหว่างทางไปสุสานไตรลักษณ์ สักการะหลวงพ่อเกษม เขมโก)  ข้าวซอยคำแสน (อยู่เยื้องกับเซ็นทรัล ลำปาง มาทางฝั่งสามแยกโรงแรมเวียงทอง)  ข้าวซอยซุปเปอร์ (อยู่ตรงข้ามกับเซ็นทรัล ใกล้สี่แยกทางไปราชภัฏลำปาง)  ข้าวซอยอัมพวัน (ใกล้วัดน้ำล้อม) ฯลฯ ใครหาร้านไหนไม่เจอ ลองกูเกิลดูน่าจะหาได้ไม่ยากครับ

ถามว่า ร้านไหนอร่อยที่สุด อันนี้ตอบยากครับ เพราะลางเนื้อชอบลางยา ต้องลองหลายๆที่เปรียบเทียบกันดู ถ้าเจอร้านไหนอร่อย ก็แจ้งมาบ้างนะครับจะได้ไปลองด้วยเหมือนกัน (กินแต่ร้านที่เคย บางทีก็เบื่อเหมือนกันครับ ฮ่าๆ)

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: สามารถแวะเข้าไปที่ลิ้งค์ www.happylampang.com ได้เลยเพื่อหาข้อมูลจากคนในท้องถิ่นครับ

วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

ของกินลำปาง..ผ่านมาอย่าลืมแวะกินก๋วยเตี๋ยวนะครับ


ก๋วยเตี๋ยวแบบลำปางแท้ๆ ต้องมีผักสดตามฤดูกาลแนม อร่อยสุดก็คือ ผักขี้ควายหรือตั้งโอ๋พันธุ์พื้นเมือง
สำหรับเมืองเล็กๆอย่างลำปาง  หลายคนคงสงสัยเมื่อได้ผ่านแวะมาเยือนว่า นี่เราจะหาอะไรอร่อยๆกินได้บ้างเนี่ย  ในเรื่องอาหารนี่ ลำปางคงต้องยอมยกแขนยอมแพ้ให้หลายๆเมืองใหญ่ที่เพียบพร้อมไปด้วยอาหารการกินอันหลากหลาย เพราะเทียบกันแล้ว จำนวนร้านอาหารที่ขึ้นชื่อนั้นแทบจะนับชื่อได้ทีเดียว


ถึงลำปาง รู้ได้ทันทีเพราะที่นี่เน้น"ตราไก่" 
มาพร้อมกับน้ำปลาผสมตรา OK (อัพเดทล่าสุด: ปัจจุบันไม่มีน้ำปลายี่ห้อนี้แล้ว)
ที่ปรุงกับก๋วยเตี๋ยวได้อร่อยเพราะไม่คาวปลา
มากเหมือนน้ำปลาแท้
เส้น"เปียะ" หรือเส้นใหญ่ในภาษากลางแต่เอามาซอยให้เล็กลง

























แต่อาหารอย่างหนึ่งที่ลำปางอาจจะบอกว่า "ขอสู้ตาย" หากเปรียบเป็นนักมวยบ้านนอกที่ต้องขึ้นชกในสังเวียนระดับชาติก็คือ "ก๋วยเตี๋ยว" ที่มีสไตล์เป็นของตนเองชัดเจน อร่อยไม่เหมือนใครด้วยเส้นใหญ่ที่เอามาซอยเป็นเส้นเล็กๆขนาดกว้างประมาณความหนาของตะเกียบ เรียกกันในท้องถิ่นว่า "เส้นเปียะ" หรือเส้นเปียกในภาษากลาง (เส้นแบบนี้ นิยมเอามาผัดเป็นผัดไทยในแบบของลำปางด้วย ซึ่งเพื่อนผมจากกรุงเทพมักจะสับสนว่ามันคือผัดซีอิ๊วหรือเปล่า แต่ขอยืนยัน นั่งยันและนอนยันว่า ไม่ใช่แน่นอนเพราะไม่ได้ใส่ผักคะน้า แต่ใช้เครื่องของผัดไทย จึงอร่อยเหมือนผัดไทย ทว่านุ่มลิ้นกว่าทุกคำที่ทาน ปัจจุบันหาทานยากแล้ว เพราะร้านที่ขายเปลี่ยนไปใช้เส้นเล็กแบบเส้นจันท์แทนเนื่องด้วยสะดวกกว่า) บวกกับน้ำซุปกระดูกหมูเคี่ยวจนอร่อย ใส่มาพร้อมกับลูกชิ้นเนื้อแน่นและเนื้อหรือหมูสไลซ์เนื้อนุ่ม ที่สำคัญ หากใครชอบทานผักสด ที่นี่แทบทุกร้านจะจัดเต็มด้วยผักสดที่ยืนพื้นด้วยถั่วงอก และเสริมด้วยผักตามฤดูกาลโดยเฉพาะหน้าหนาวจะมีทั้งผักกาดแก้ว และ ตั้งโอ๋


เวลาปรุงรสนั้น ในสมัยตอนผมยังเด็ก ถาดชุดเครื่องปรุงจะไม่มีพริกแห้งป่น จะเป็นพริกน้ำป่นดูคล้ายน้ำพริกตาแดงผสมน้ำซึ่งเวลาใส่ไปในชามจะดูเผ็ดมากแต่จริงๆแล้วจะให้รสกลมกล่อมกว่าพริกป่นแห้งมาก ซึ่งถ้าใครเดินทางผ่านมาทางนี้ อยากแนะนำให้ลองชิมดูอย่างยิ่งครับ
พริกแดงน้ำ ใส่ก๋วยเตี๋ยวแทนพริกป่นได้รสชาติกลมกล่อมแบบลำปางแต๊ๆ

ร้านที่แนะนำมีหลายร้าน ไม่ว่าจะเป็น ร้านก๋วยเตี๋ยวปู่โย่ง หรือชื่อจริงว่า นิยมโอชา ร้านดังดั้งเดิมที่อยู่หน้าวัดเมืองศาสน์  ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านดง ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกทุ่งที่ปัจจุบันมีหลายร้านให้เลือก (คำว่าก๋วยเตี๋ยวลูกทุ่ง ดั้งเดิมก็คือสไตล์ของก๋วยเตี๋ยวที่มีการใส่เครื่องในเข้าไปด้วย บวกกับปริมาณที่มากกว่าปกติเพื่อเอาใจชาวลูกทุ่ง ตจว.ในสมัยอดีต) แต่ที่ขึ้นชื่อและสะดวกสำหรับนักเดินทางที่มาจากกรุงเทพจะไปเชียงใหม่ และไม่ต้องการเสียเวลาบุกเข้าไปถึงในเมืองนั้น ก็จะมีอยู่ 2 เจ้าคือ ร้านก๋วยเตี๋ยวรุ่งเรือง และ ก๋วยเตี๋ยวบุญศรี อยู่บนถนนพหลโยธิน หลังผ่านแยกสถานีตำรวจทางหลวงที่มีชามตราไก่ยักษ์มาประมาณ 200 เมตร และ 400 เมตรตามลำดับ  ทั้งสองร้านนั้น อร่อยใกล้เคียงกันครับ แต่คนในท้องถิ่นจะนิยมร้านหลังเพราะเปิดมาก่อนและมีผักสดที่หลากชนิดกว่า ส่วนร้านรุ่งเรืองนั้น คนเดินทางนิยม เพราะมีระบบ สั่งได้เร็ว และดูสะอาดเรียบร้อยกว่า
อันนี้ ก๋วยเตี๋ยวลูกทุ่ง รสชาติเข้มข้นกว่า ชามใหญ่สะใจ 
ยอดนิยมสำหรับนักเดินทางต้อง ก๋วยเตี๋ยวรุ่งเรือง 
หรืออีกร้านก็ต้อง ก๋วยเตี๋ยวบุญศรี เยื้องๆร้าน Clay Shop


คราวหน้าจะมาแนะนำร้านข้าวซอยให้ได้รู้จักกันครับ เผื่อใครที่ขึ้นเหนือมา      แล้วอยากลองของกินพื้นบ้านที่ไม่ธรรมดาบ้าง ข้างล่างนี้ เป็นแผนที่ กิน-แอ่ว เมืองลำปางโดยผมเองนะครับ

แผนที่สถานที่กิน-เที่ยว ของลำปาง (จัดทำขึ้นโดยผมเองนะครับ) สามารถคลิ๊กขวาที่รูปแล้วเซฟมาเปิดในขนาดที่ใหญ่ขึ้นบนหน้า Desktop ได้นะครับ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: สามารถแวะเข้าไปที่ลิ้งค์ www.happylampang.com ได้เลยเพื่อหาข้อมูลจากคนในท้องถิ่นครับ

วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วัดปงสนุกใต้ ของดีๆที่อยากให้คุณได้รู้จัก

มัยเด็กๆ เป็นคนชอบปั่นจักรยานไปเที่ยวกับเพื่อนวัยละอ่อนต่อนแต่นอย่างมาก (ภาษากลางน่าจะหมายถึง วัยอ่อนต่อโลกประมาณนั้นน่ะครับ) ถ้าปิดเทอม เช้ามาก็คว้ารถถีบ(จักรยาน)คู่ชีพ (ที่อุตส่าห์ออมเงินซื้อวันละ 1 บาทหลายปีกว่าจะได้ เพราะสมัยนั้น รถจักรยานไม่ได้ถูกๆนะครับเพราะถือเป็นพาหนะสำคัญในสมัยที่มอเตอร์ไซค์ยังเป็นของแพงอยู่ รถยนต์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง รถถีบคันหนึ่งก็ประมาณ 2-3พันบาท ถ้าจะให้เห็นภาพก็ต้องเปรียบเทียบว่า ทองคำยังบาทละ 800 บาทนะครับ) ออกจากบ้านเพื่อไปเที่ยวกับเพื่อนตามประสาเด็ก ตจว.

สถานที่ที่แก็งค์เรา มักจะไปกันก็คือ แม่น้ำวัง ไปจับกุ้งหอยปูปลา ไปกาดกองต้าเพื่อไปหาเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งที่บ้านอยู่แถวนั้น และมีเพื่อนเยอะมากเพราะกาดกองต้าเป็นชุมชนที่คนส่วนใหญ่อยู่กันมานาน ดังนั้น เด็กก็จะมีเพื่อนละแวกบ้านที่รู้จักกันดีเป็นกลุ่มใหญ่ บ่อยครั้งที่ไปที่นั่น เรามักจะข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่งเพื่อไปเที่ยววัดปงสนุกใต้กัน ไม่เคยรู้เลยว่าที่นั่นมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแค่ไหน เพราะสำหรับเด็กๆแล้ว สิ่งดึงดูดใจก็คือ "การไปอมควัน"

อ่านถึงตรงนี้ หลายคนคงตกใจว่า เด็กๆพวกนี้ริอ่านสูบบุหรี่ แถมยังไปสูบกันที่วัดอีก แหมมันน่า....
รอก่อน อย่าเพิ่งตกใจครับ เพราะเพื่อนสนิทผมที่เป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจิ๋วของย่านกองต้าสมัยนั้น เค้าเป็นเด็กดีและแม่เค้าก็เป็นคนดูแลลูกใกล้ชิด ไม่เพียงแต่ทำอาหารอร่อยเลี้ยงเพื่อนลูกเสมอๆ ยังใส่ใจสุขภาพ พาลูกของตนไปอมควันเสมอๆที่วัดนี้ เพื่อนคนนี้ก็เลยอยากพาพวกผมไปลองวิธีรักษาสุขภาพแบบนี้ไปด้วย

มุมมองจากด้านล่าง จากห้องเก็บหีดธรรมขึ้นไปหาวิหารจตุรมุข
"การอมควัน" ที่ว่านี้ เฉลยเลยก็แล้วกัน ก็คือ ทางวัดเค้าจะเอาสมุนไพรหลายๆอย่างมาเผาไฟ พอมีควันก็เอากระบอกมาปิดครอบไว้แล้วให้เราอมปลายอีกด้านค้างไว้ (คล้ายกับการอมบ้องกัญชา) ใช้เวลาประมาณสัก 10-20 นาทีเพื่อให้ควันได้เข้าไปถึงทุกอณูของช่องปาก ว่ากันว่า จะทำให้โรคในปากต่างๆอาการดีขึ้น และแมลงกินฟัน (ตามความเชื่อของเราเอง) ก็จะถูกฆ่าให้หมดไป

ช่วงหลังๆที่กลับมาอยู่ที่ลำปางอย่างถาวรแล้ว ผมได้เคยไปลองถามดู เค้าว่าไม่มีแล้วครับ คงเป็นภูมิปัญญาของพระรูปใดรูปหนึ่งในสมัยนั้นน่ะครับ ว่าแต่มันเพลินดีนะครับ ทว่า นึกย้อนกลับไป เรื่องอนามัยคงไม่ต้องพูดถึง ฮ่าๆ 
วิหารจตุรมุขและพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายใน

มาวันนี้ ในช่วงไม่กี่ปีก่อน ใครจะรู้ล่ะว่า วัดที่เราชื่นชอบกับการไป"อมควัน" นั้น จะเป็นวัดที่มีความสำคัญในระดับโลก เพราะได้รับการยกย่องมอบรางวัลให้เป็น วัดที่ได้รับรางวัลระดับ “Award of Merit” จาก โครงการ 2008 Asia-Pacific Heritage Award for Cultural Heritage Conservation จากองค์การ UNESCO ในด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม-สถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่เหลืออยู่โดยเน้นด้านการมีส่วนร่วมระหว่างชุมชนกับภาครัฐ 
ทางเข้าด้านหน้า บริเวณทางขึ้นประตูโขงมองเห็นวิหารจตุรมุขอยู่ด้านหลัง


วัดปงสนุกใต้ตั้งอยู่ในเขต ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง เป็นวัดสำคัญคู่กับจังหวัดลำปางมาช้านาน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยที่เจ้าอนันตยศ ราชบุตรของพระนางจามเทวีแห่งหริภุญไชย (ลำพูน) เสด็จมาสร้างเขลางค์นคร (ลำปาง) เมื่อ พ.ศ.1223 หรือ 1,328 ปีก่อน โดยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นได้แก่
วิหารพระเจ้าพันองค์ ซึ่งเป็นวิหารทรงจตุรมุขที่มีรูปแบบงดงามและน่าจะเหลือเพียงแห่งเดียวในประเทศ เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่าง ล้านนา พม่า และจีน ซึ่งได้ถูกนำไปเป็นต้นแบบให้กับหอคำ ไร่แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงรายอีกด้วย
ภาพเขียนรอบๆหีดธรรม


แต่ที่ประทับใจไม่แพ้กันสำหรับผม และเพื่อนๆอีกหลายคนในแวดวงการออกแบบที่ผมได้เคยพาไปชม ก็คือ ภาพเขียนลายต่างๆ  ในวัดที่ตัวศิลปินได้เขียนออกมาอย่างมีความสุข ลื่นไหลสวยงาม อย่างที่เราจะรู้สึกได้ทันทีที่ได้ชม มีความทันสมัยไม่ตกยุคแม้เวลาจะผ่านมานานหลายร้อยปีแล้วก็ตาม ตรงนี้บอกได้เลยว่าห้ามพลาด ทั้งในส่วนที่เป็นประตูโขงทางขึ้นด้านหน้าวัด และหีดธรรม (คล้ายๆกับหีบเก็บพระธรรมคัมภีร์) ซึ่งแสดงอยู่ด้านในวัด

ภาพเขียนบริเวณด้านในประตูโขง

ภาพเขียนบริเวณด้านหลังประตูโขง

อีกอย่างที่คนที่ไปส่วนใหญ่มักไม่รู้ และพลาดการเดินชมก็คือ บริเวณที่เป็นกุฏิเจ้าอาวาสเดิม ด้านในสุดของวัด ที่ปัจจุบันปรับเป็นพิพิธภัณฑ์ มีของดีๆให้ชมมากมาย มีลักษณะเป็นอาคารเรือนไม้เดิมตามแบบล้านนาในยุคหลายสิบปี ซึ่งถ้าสังเกตดีๆจะเห็นภูมิปัญญาในการออกแบบอาคารให้อยู่สบายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามแบบชาวเหนือครับ
บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์ที่ดัดแปลงจากกุฏิเจ้าอาวาสหลังเดิม

ถ้าจะให้แจ่ม ควรกะเวลาให้ใกล้ช่วงมื้อกลางวัน เพราะหลังจากครบเครื่องกับวัฒนธรรมแล้ว ก็ต้องไม่พลาดข้าวซอยอิสลามร้านดังทางไปสะพานรัษฎา ที่เราสามารถจอดรถที่นี่แล้วเดินไปได้

เรียกว่า ทริปนี้ อิ่มตาอิ่มใจและอิ่มท้องไปพร้อมๆกันเลยทีเดียว

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: สามารถแวะเข้าไปที่ลิ้งค์ www.happylampang.com ได้เลยเพื่อหาข้อมูลจากคนในท้องถิ่นครับ



วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

จักรยานริมน้ำวัง...วันอาทิตย์ยามเย็นกับชีวิตที่เชื่องช้า

มเคยคิดว่าตนเองจะเอาชนะธรรมชาติได้...

ในตอนเด็ก มีการ์ตูนอยู่เรื่องหนึ่งที่ตัวเอกพยายามฝึกมองรถไฟที่วิ่งไปด้วยความเร็วสูงและเชื่อเอาเองว่า ถ้าเค้าสามารถมองได้ทันเห็นใบหน้าของคนที่นั่งในขบวน และฝึกจนชำนาญ การเป็นนักชกของเค้าจะประสบความสำเร็จเพราะจะมองเห็นและหลบหมัดของคู่ต่อสู้ได้ทัน อาจเป็นเรื่องที่จริงก็ได้และถ้าเป็นเรื่องจริง เค้าคนนั้นก็คงจะดูหนังไม่ค่อยสนุก รวมไปถึงโทรทัศน์ที่ภาพจะกระพริบดับติดๆอยู่ตลอดเวลา

ในตอนเป็นวัยรุ่น หลายคนรวมทั้งผมด้วย เรามักจะขับรถเร็วๆให้ไปถึงที่หมายได้ก่อนคนอื่นๆโดยไม่สนใจว่าข้างทางจะสวยงาม หรือมีอะไรที่น่าสนใจและเราอาจจะพลาดการพบเจอสิ่งที่ดีๆระหว่างทางได้เพราะการใช้ชีวิตในแบบที่ฝรั่งเรียกว่า  "Life in the fast lane"

มนุษย์ส่วนใหญ่คงพยายามเป็นเช่นนักชกในการ์ตูนเรื่องนั้น หลายสิ่งในโลกเราตอนนี้ถึงได้กลายมาเป็นอย่างที่เราต้องหันกลับมาตั้งคำถามอย่างทุกวันนี้... ชีวิตเราเร็วไปหรือเปล่า?

เราเบื่อการเดินทางที่ชักช้า เราเบื่อการฟังเสียงรอบข้างโดยเฉพาะที่ดังมาจากคนที่เดินช้ากว่าเรา เราเบื่อสิ่งที่เป็น Analog แล้วผละไปสู่ความเป็น Digital ด้วยใจจดจ่อ และคนส่วนใหญ่ก็จะไม่สนใจชีวิตที่เร็วขึ้นๆๆอย่างผิดธรรมชาติแบบทุกวันนี้ ตราบใดที่ฟันเฟืองแห่งชีวิตของเค้ายังหมุนได้อยู่



ที่พูดมายืดยาว ก็แค่อยากจะเกริ่นนำสักหน่อย ก่อนจะพูดถึงเรื่องการหาโอกาสปั่นจักรยานแบบไม่เร่งรีบริมน้ำวังของผมและภรรยา และอีกหลายๆคนในจังหวัดเล็กๆนี้ การที่วันหยุดมาถึงและเรามีเวลาพอที่จะออกไปปั่นจักรยานจากบ้าน เลาะเลียบริมแม่น้ำวังฝั่งโรงเรียนวิชชานารี ผ่านด้านหลัง รพ.แวนแซนต์วู๊ด (ซึ่งแทบจะไม่มีรถใหญ่วิ่งเลย จะมีก็แต่รถมอเตอร์ไซค์บ้างเป็นระยะๆ)ปั่นไปเรื่อยๆจนถึงกาดกองต้าแล้วเลยไปถึงย่านท่ามะโอเมืองเก่านั้น ช่างเป็นความสุขเสียจริงๆสำหรับคนที่เริ่มชื่นชอบกับชีวิตที่เชื่องช้า หลังการปิดร้านที่จตุจักรอันวุ่นวายแล้วหันมาใช้ชีวิตที่นี่เป็นหลัก



การปั่นจักรยานสำหรับเราสองคนที่นี่ ทำให้เราได้หาเรื่องออกกำลังกายมากขึ้น ได้เห็นทิวทัศน์จากอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำวังในแบบเย็นๆใจ อยากจะแวะตรงไหนก็จอดได้ทันที ก่อนจะไปหาอะไรกินกันในเมืองแล้วก็ปั่นกลับเพื่อย่อยอาหารให้หมดไป เสียอย่างเดียวเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับจักรยานแบบเส้นทางนี้มีน้อยไปหน่อย นั่นทำให้เราเบื่อเป็นบางช่วง และอยากลองหาเส้นทางใหม่ แต่ก็ค่อนข้างไม่ปลอดภัยเมื่อเทียบกับเส้นทางนี้  เส้นทางที่ทั้งปลอดภัยและสวยงามแบบนี้น่าจะมีมากๆในเมืองต่างๆของประเทศที่วุ่นวายนี้เพื่อส่งเสริมให้คนหันมาปั่นกันอย่างจริงจัง เช่น ในเดนมาร์คหรือเนเธอร์แลนด์ ที่เราสามารถปั่นไปทำงานทั้งเช้าและเย็นได้ทุกๆวัน ลำพังในลำปางเอง หากจะปั่นเข้าไปในเมืองตามเส้นทางปกติ ต้องบอกตามตรงด้วยภาษาไม่สุภาพว่า เสียวตู..จริงๆ ยิ่งถ้ามีเด็กๆไปด้วยล่ะก้อ!!!ไม่แนะนำครับ


ส้นทางนี้ จะเริ่มต้นที่บริเวณฝายน้ำแม่วังเฉลิมพระเกียรติ หรือเขื่อนยางที่คนท้องถิ่นจะรู้จักกันดี ที่สำคัญที่นี่จะมีลานจอดรถขนาดใหญ่ที่เราสามารถทิ้งรถยนต์ไว้ได้อย่างปลอดภัย แล้วหอบจักรยานข้ามสะพานแขวนที่สวยงามของจังหวัดลำปาง ที่นี่จะเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยงาม และเหมาะแก่ผู้ที่ชอบถ่ายรูปอย่างมากๆๆๆ จากนั้น ก็ปั่นเลียบฝั่งแม่น้ำไปเรื่อยๆ โดยเราสามารถแวะกินอะไรข้างทางได้หากต้องการ แต่จุดที่ของกินมีให้เลือกมากมายนั้น จะอยู่แถบกาดกองต้าและบริเวณโดยรอบ ต้องลองกันดูครับ เพราะบางเจ้าคนว่าอร่อย เราอาจไม่ชอบก็ได้ จากนั้น ก็ข้ามสะพานอีกครั้งเป็นสะพานปูนขนาดเล็ก ข้ามได้เฉพาะรถสองล้อ

โดยจุดนี้ เราสามารถตรงเข้าไปยังกาดกองต้าได้ หากเป็นช่วงเย็นวันเสาร์ และอาทิตย์จะมีของกินเต็มไปหมด แต่เราต้องจูงรถเอาครับ ห้ามขี่โดยมารยาท จากนั้นก็กลับมาที่สะพานแล้ววิ่งเลาะแม่น้ำฝั่งเดียวกับกาด ไปเรื่อยๆจนเจอสะพานรัษฎา ลอดใต้ไปจนเจอสะพานช้างเผือกก็ข้ามไปอีกฝั่ง (ฝั่งนี้ ก็มีร้านอาหารอร่อยๆหลายร้าน รวมถึงกาดหัวขัว (ตลาดหัวสะพานรัษฎา) ซึ่งเราสามารถแวะซื้อของกินได้แต่ต้องระวังรถหายด้วยหากเป็นจักรยานไฮโซ สำหรับของผมจักรยานโลโซ...ไม่น่าห่วงครับ)  แล้วก็วนกลับมาทิศเดิมจนเจอสะพานเล็กสำหรับรถสองล้อ แล้วก็ขี่กลับเลียบแม่น้ำมาทางเดิมจนเจอเขื่อนยาง เป็นอันจบทริป

ถ้าได้มีโอกาสมาลำปาง อยากให้หาเวลามาลองปั่นกันตามเส้นทางนี้ดูนะครับ รับรองจะติดใจ...

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: สามารถแวะเข้าไปที่ลิ้งค์ www.happylampang.com ได้เลยเพื่อหาข้อมูลจากคนในท้องถิ่นครับ

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

กาดกองต้า อีกด้านหนึ่งที่น่าค้นหาของลำปาง

"าดกองต้า" สถานที่ยอดฮิตสำหรับคนต่างจังหวัดที่ได้เดินทางขึ้นเหนือมาแอ่วลำปาง ว่าแต่มันแปลว่าอะไร ถ้าแปลเหนือเป็นไทย ก็น่าจะเป็นตลาดริมน้ำ  (ซึ่งหลายคนอาจจะดูไม่ออกเพราะที่นี่จะจัดเป็นตลาดนัดเฉพาะช่วงหัวค่ำเป็นต้นไปของทุกวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น จึงไม่ใคร่มีใครได้เห็นทิวทัศน์ริมน้ำวังของย่านกาดนี้เท่าใดนัก)

บรรยากาศของกาดกองต้าในยามเช้า ที่เห็นเด่นเป็นสง่านั้นคือ ตึกบ้านแม่แดง

ที่นี่เป็นตลาดจริงๆของชาวเรือรวมถึงชาวลำปางในย่านนั้นในอดีต
เป็นแหล่งรวมตึกรามร้านค้ามากมายในยุคที่ลำปางกำลังสร้างบ้านแปงเมืองขึ้นมาในด้านเศรษฐกิจ ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการทำไม้ในภาคเหนือรวมถึงศูนย์ส่งสินค้าบางอย่างที่หาได้ยากในภาคกลางโดยมีการขนส่งทางน้ำเป็นหัวใจหลัก ก่อนที่จะลดบทบาทลงเมื่อยุคเส้นทางรถไฟได้วางรางมาถึงสถานีลำปางและสร้างต่อทะลุอุโมงค์ขุนตานไปยังเชียงใหม่ในที่สุด


น้ำท่วมใหญ่และซุงเกลื่อนท้องน้ำแม่วัง พศ.2463  ที่มา คุณสุวภรณ์ ชูโต (ด้านหลังไกลๆจะมองเห็นสะพานรัษฎาภิเศก)


ในยุคที่ผมยังเด็กๆนั้น ยังจำบรรยากาศได้ดีในช่วงปิดเทอมที่ทุกปี แม่จะส่งไปอยู่ที่กาดกองต้า(อยู่กับผู้ใหญ่ที่ท่านนับถือมากและเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในย่านกาดกองต้าที่คนรุ่น 50 (เรียกให้เท่เหมือนรุ่นกางเกงยีนส์ แต่จริงๆก็คือ 50ปีขึ้นไป) น่าจะจำชื่อ คุณยายกิมฮวย ยะตินันท์ คนนี้ได้ ) ซึ่งในตอนนั้น ไม่ค่อยสนุกและคึกคักเหมือนอย่างในตอนนี้ เพราะเป็นช่วงที่การค้าของยุครุ่งเรืองค่อยๆหมดเลือนหายไปจาก
ผู้คนในย่านนั้น ตึกรามบ้านช่องห้องแถวในตอนนั้น น่าจะเป็นเหมือนกับที่พักอาศัยในยามค่ำ และตึกโบราณหลายๆแห่งก็เป็นตึกร้างไร้คนอยู่อาศัยและเหลียวแล

อะไรที่เคยรุ่งเรืองก็ย่อมมีเสื่อมสลาย และเมื่อมีเสื่อมสลายก็อาจมีวันกลับมาฟื้นฟูได้เช่นกัน แม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนเช่นกาลก่อนนั้น กาดกองต้าก็เช่นกัน ผมยังจำบรรยากาศเมื่อวันเปิดกาดในช่วงหัวค่ำของ
หลายปีก่อนได้ เพราะตอนนั้น เราได้รับเชิญให้ไปร่วมขายสินค้าโดยไม่ต้องเสียค่าพื้นที่ ในตอนนั้น คนที่เดินส่วนใหญ่ก็มาจากในพื้นที่เมืองลำปางนี่ล่ะครับ ช่วยกันกิน ช่วยกันซื้อ ช่วยกันใช้ ตึกโบราณหลายๆหลังก็ได้ลูกหลานของเจ้าของบ้านช่วยกันชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ สินค้าที่วางขายก็ปรับเปลี่ยนไปตามสภาพ และยุคสมัย (แม้จะไม่คลาสสิคอย่างที่ใจหลายคนอยากให้เป็น) ส่วนเราก็เลิกขายไปเพราะเป็นสินค้าที่หนักและขนไปลำบากไม่คุ้มทุน ไม่เหมือนที่คนหนุ่มๆที่พยายามสรรหาสินค้าใหม่ๆทั้งที่เป็นงานคิดสร้างสรรค์และสินค้าในท้องถิ่นรวมถึงสินค้าเบ็ดเตล็ดทั่วๆไปที่ยังดำเนินการขายต่อ และก็เพราะคนค้าขายรุ่นใหม่ๆเหล่านี้ล่ะครับ ที่ทำให้กาดกองต้าสามารถเปิดขายได้ทุกอาทิตย์จนเป็นที่รู้จักในระดับประเทศดังเช่นทุกวันนี้ น่าชื่นใจครับ


ลายฉลุไม้เป็นชื่อ หม่องโง่ยซิ่น เจ้าของผู้สร้างอาคารหลังงามแห่งกาดกองต้า


ทุกวันนี้ กาดกองต้าอยู่ในโปรแกรมทัวร์ของหลายๆคนเมื่อต้องการมาแวะเที่ยวลำปาง เมือง"เวียงละกอน" ไก่ขันแห่งนี้ และถ้าจะให้แนะนำเที่ยวผมก็พอจะสรุปออกมาได้ประมาณนี้

-หาโอกาสมาพักที่ลำปางสักคืน สองคืนเพื่อซึมซับบรรยากาศเก่าๆของเมืองแก่ๆแต่อบอุ่นไม่แพ้ใครแห่งนี้ ที่พักก็อาจจะเป็นที่ ริเวอร์ไซด์ เกสเฮ้าส์ หรือ ที่อคัมย์สิริก็ใช้ได้ครับ

-หากพักที่ ริเวอร์ไซด์ ก็สามารถเดินมาเที่ยวที่นี่ได้โดยไม่ต้องขับรถให้เสียเวลา เพราะอยู่ใกล้กัน ในย่านนั้น ก็มีอาหารให้เลือกรับประทานได้หลากหลายแบบ ราคาและบรรยากาศ ที่สำคัญทุกร้านราคาคุ้มกับเงินที่เสียไปครับ
                -ร้านข้าวต้มบาทเดียว บรรยากาศบ้านเก่าอยู่ใกล้กาดมาก
                -ร้านอาหารเหนือ เชลล์ชวนชิม แม่แห ต้องลอง
                -ร้านนิวทะเลเผา สำหรับคนที่ขาดอาหารทะเลไม่ได้ แม้มาไกลถึงกว่า 600 กิโล
                 รสชาติใช้ได้ แต่ความสดคงต้องแพ้ระยะทางล่ะครับ
                -ร้านผัดไทยและอาหารตามสั่งป้าฟอง คุณภาพดี ราคาประหยัดสำหรับนักเดินทางวัยเยาว์
                -ร้านข้าวต้มบาทเดียวป้าแข ถ้าบรรยากาศไม่ได้เป็นสิ่งที่คุณแคร์ แต่รสชาติ ราคาคุ้มค่า
                 และความอบอุ่นจากลูกค้าที่แน่นขนัด (หลักประกันความอร่อย) คือสิ่งที่คุณต้องการ
                -ร้านริเวอร์ไซด์  อาหารหลากหลายสไตล์ โดยเจ้าของเดียวกับริเวอร์ไซด์ เกสเฮ้าส์

-ในตอนเช้า หาโอกาสมาทานบะหมี่เกี๊ยวหน้าไปรษณีย์ การันตีโดยวลี "บะหมี่นี้ที่ผมฝันถึง" ของลุงหม่อมถนัดศรี น้ำซุปอร่อยมากครับ หรือจะเดินไปแถววัดสวนดอก ลองชิมข้าวหน้าเป็ด โจ๊กฮ่องกง
ที่ปรุงโดยคนฮ่องกงแท้ก็อร่อยไม่แพ้กันครับ


วิหารภายในวัดเกาะวาลุการามที่รูปทรงต่างจากรูปแบบล้านนาทั่วไป มีความสวยงามแปลกตา และภาพบรรยากาศภายในวัด


-จากนั้น ก็หาเวลาสักหน่อย เพื่อเดินชมความงามของกาดกองต้าในยามเช้า ประเดิมด้วยไหว้พระที่วัดเกาะวาลุการาม จากนั้นซึมซับรายละเอียดบ้านโบราณที่แต่ละหลังบรรจงสร้างโดยคหบดีในยุครุ่งเรืองของกาด ที่ขาดไม่ได้คือ การถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับสะพานเก่าแก่ของลำปาง "สะพานรัษฎา" หากมีเวลาพอเหลือ ก็เดินแอ่วกาดหัวขัว (ตลาดหัวสะพาน) เท่านี้ ก็ได้มีเรื่องไปเล่าเกี่ยวกับลำปางได้ไม่รู้ลืมแล้วล่ะครับ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: สามารถแวะเข้าไปที่ลิ้งค์ www.happylampang.com ได้เลยเพื่อหาข้อมูลจากคนในท้องถิ่นครับ

วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ดีใจที่ได้กลับบ้าน

 
บรรยากาศบางส่วนที่เป็นวิถีชีวิตของคนลำปาง ถ่ายจากย่านเมืองเก่าท่ามะโอ วัดปงสนุกใต้ ริมน้ำบ้านดงไชยและย่านสถานีรถไฟ












ในชีวิตของคนทุกคน ย่อมต้องเคยได้มีโอกาสเดินทางไปสถานที่หลากหลายแห่ง ทั้งร้อนและหนาว ชุ่มชื้นด้วยป่าฝนหรือแห้งแล้งเหมือนในทะเลทราย ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่เงียบเหงาหรือคึกคักคราคร่ำไปด้วยผู้คน แต่ทุกครั้งที่ได้กลับมายังที่ที่เรารู้สึกว่า ที่นี่เอง ที่เป็นบ้านของเรา เป็นบ้าน เป็นเมืองที่เราอาศัยอยู่แล้วมีความสุข ได้เติมพลังชีวิตต่อไปเพื่อให้สามารถมีเรี่ยวแรงต่อสู้กับปัญหาต่างๆที่วิ่งเข้ามา สำหรับผมแล้ว ลำปาง น่าจะเป็นดังความหมายที่เขียนไว้ข้างต้น

ยิ่งได้ออกไปเห็นเมืองต่างๆมากขึ้นเท่าไร เราก็ยิ่งเห็นถึงเสน่ห์ของลำปาง ที่เปรียบเสมือนคนที่เรียบง่าย หน้าตาไม่ค่อยเก๋เท่าไร  พูดก็ไม่หวาน อาหารก็กินง่ายๆ แต่อยู่ด้วยแล้วก็มีความสุข ไม่เหนื่อย ไม่ต้องวิ่งตามกระแสกันมากนัก เพราะถ้าอยากตามกระแสเมื่อไร ก็ซื้อตั๋วเดินทางออกไปท่องเที่ยวค้นหาความแปลกใหม่จากที่อื่นๆได้ทันที พอเหนื่อยก็กลับมา "นอนบ้าน" 

อาทิตย์ที่แล้ว ได้เดินทางล่องใต้ (สมัยก่อนแปลว่าไปกรุงเทพ) กลับมาก็ยิ่งรักลำปางมากขึ้น เพราะพิษสงจาก" รถคันแรก" คงทำอะไรที่นี่ไม่ได้ เนื่องจากพื้นที่มีมากกว่าจำนวนรถ ใครอยากจอดตรงไหนก็ทำได้ดังใจและใครก็คงไม่ไปบีบแตรกันสนั่นลั่นทุ่ง เพราะอยู่กันแบบเอื้ออารีย์ ไม่เชื่อก็สามารถมาพิสูจน์กันได้ (ยกเว้นวันเปิดห้างเซ็นทรัล สาขาลำปาง ที่ทำเอาลำปางรถติดกันในละแวกนั้นไปได้หลายวันทีเดียว) 

หนาวนี้ อยากให้มีคนมาเที่ยวลำปางกัน แต่ถ้ามาแบบตามกระแสก็ไม่น่าจะเกิดประโยชน์อันใด แต่ถ้ามาแล้ว แวะมานอนค้างคืน สักคืนสองคืน ซึมซับบรรยากาศความเรียบง่าย กินอาหารง่ายๆแบบคนลำปาง (สามารถไปซื้ออาหารปรุงสุกในตลาดอัศวินที่เปิดช่วงเย็นๆ กินอาหารเหนืออร่อยๆกับข้าวเหนียวแดงที่มีคุณค่ากว่าข้าวเหนียวขาวมาก) จากนั้นก็ตื่นแต่เช้าไปเดินเล่นริมแม่น้ำวังย่านท่ามะโอ เมืองเก่า แล้วก็แวะไปสักการะชื่นชมวัดพระธาตุลำปางหลวงและวัดปงสนุกใต้ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (ต้องขอบอกว่า ในความเห็นของคนที่ชอบศิลปะ วัดหลายแห่งในลำปางมีคุณค่าที่ลึกซึ้งในทางศิลปะอย่างมาก ดังนั้น หากใครชอบแนวนี้ต้องเผื่อเวลาไว้เดินชมภาพเขียนในวัดด้วยนะครับ ทั้งนี้ ถ้ามีโอกาสผมจะหาข้อมูลวัดต่างๆที่น่าสนใจมาเขียนให้อ่านกันครับ)

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม: สามารถแวะเข้าไปที่ลิ้งค์ www.happylampang.com ได้เลยเพื่อหาข้อมูลจากคนในท้องถิ่นครับ